วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

น้ำมันมะพร้าว ใช้เป็นน้ำมันนวด



          น้ำมันมะพร้าว นั้นเหมาะสมอย่างมากที่จะใช้เป็นน้ำมันนวด (massage therapy) เนื่องจาก น้ำมันมะพร้าว มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิว ช่วยให้ผิวหนังมีสุขภาพแข็งแรง ทำให้แลดูมีน้ำมีนวล และยังช่วยผ่อนคลาย ลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้อีกด้วย และที่สำคัญ น้ำมันมะพร้าว ไม่ทำให้เปรอะเปื้อนเสื้อผ้า จึงไม่ทำให้ที่นอนและผ้าปูที่นอนเสียหาย ถึงแม้จะทำ น้ำมันมะพร้าว หกบนที่นอน รอยเปื้อนของ น้ำมันมะพร้าว จะแตกต่างจากรอยเปื้อนของน้ำมันชนิดอื่น โดย น้ำมันมะพร้าว จะทำความสะอาดออกได้ง่ายกว่ามาก จึงยิ่งทำให้เหมาะในการจะใช้เป็นน้ำมันนวดตัว
          อย่างไรก็ตาม น้ำมันมะพร้าว นั้นร่างกายจะสามารถดูดซับได้ง่าย เมื่อนวดไปตามผิวหนังได้เพียงครู่เดียว น้ำมันมะพร้าว ก็จะแห้ง ผู้นวดหลายคนจึงมักจะผสม น้ำมันมะพร้าว กับน้ำมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวชั้นดีชนิดอื่น อย่างเช่น น้ำมันอัลมอนด์ ในอัตราส่วน น้ำมันอัลมอนด์ 1 ส่วน ต่อ น้ำมันมะพร้าว 2 ส่วน ซึ่งก็จะทำให้น้ำมันที่ใช้นวดผิวนั้น มีความเรียบลื่นได้มาก และ นานขึ้น เมื่อนวดผ่านผิวหนัง
          นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ น้ำมันมะพร้าว นวดบรรเทาปัญหาข้ออักเสบได้อีกด้วย ปัญหาข้ออักเสบ ขัด บวม และเจ็บปวด สามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ น้ำมันมะพร้าว ทาให้ชุ่ม และนวดตรงบริเวณที่มีปัญหาเป็นประจำ หรือเมื่อนวดแล้วก็ใช้ผ้าพันไว้ อาการบวม เจ็บปวด ก็จะลดลงได้

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น กับ ความงาม



          น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ให้ผลดีต่อการบำรุงผิว นอกจากการเสื่อมสภาพ หรือการเกิดออกซิเดชั่นจะเกิดขึ้นภายในร่างกายของเราแล้ว การเสื่อมสภาพ หรือการออกซิเดชั่นนี้ยังสามารถเกิดขึ้นภายนอกร่างกายได้เช่นเดียวกัน โดยการเสื่อมสภาพภายนอกร่างกายนี้ก็เกิดขึ้นที่ผิวนั่นเอง ซึ่งมักจะออกมาในรูปของการแพ้ เกิดรอยด่างดำต่าง ๆ แม้แต่การที่ผิวหนังเหี่ยวย่นก็เป็นผลมาจากการเสื่อมสภาพ หรือการออกซิเดชั่นนี้เอง
          การทา น้ำมันมะพร้าว ที่ผิว จะช่วยให้ลดหรือกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นกับผิว ที่เกิดมาจากการเสื่อมสภาพ หรือออกซิเดชั่นภายนอกได้ และ น้ำมันมะพร้าว ยังปลอดภัยต่อผิวของเด็ก โดยเราสามารถใช้ น้ำมันมะพร้าว ทาผิวทารกได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
          น้ำมันมะพร้าว นั้นอุดมไปด้วยวิตามินอี คุณภาพสูง โดยวิตามินอี ใน น้ำมันมะพร้าว เป็นสารโทโคไทรอินอล ซึ่งเป็นรูปแบบของวิตามินอี ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามินอี อีกรูปแบบหนึ่งที่เป็นสารโทโคเฟอรอล ซึ่งมักใช้กันอยู่ในเครื่องสำอางรักษาผิวทั่วไป ถึง 40-50 เท่าเลยทีเดียว
          น้ำมันมะพร้าว นั้นยังสามารถช่วยป้องกัน และรักษา ฝ้า กระ และยังใช้เป็นยากันแดดได้ด้วย อนุมูลอิสระเป็นสาเหตุหนึ่งของการเป็นฝ้าและกระ วิตามินอี ใน น้ำมันมะพร้าว จะทำหน้าที่ละลายอนุมูลอิสระเหล่านั้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทากัน
          น้ำมันมะพร้าว ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนจึงช่วยลดปัญหาเรื่องสิวได้ เมื่อผิวหน้าสกปรกรูขุมขนบนใบหน้าถูกอุดตัน ร่างกายไม่มีช่องทางให้ระบายของเสียบนใบหน้าและรูขุมขน จึงทำให้เกิดปัญหาเรื่องสิว ฝี และใบหน้าเกิดริ้วรอย การใช้เครื่องสำอาง ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รูขุมขนถูกอุดตัน ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคุณสาว ๆ การทา น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ที่ผิวหน้า น้ำมันมะพร้าว จะซึมผ่านรูขุมขนและทำความสะอาดไปในตัว ทำให้ร่างกายมีช่องทางในการขับถ่ายของเสียออกมาจากใบหน้าและรูขุมขน เพื่อเป็นการทดลอง เราลองเคี้ยวหมากฝรั่ง และใช้ น้ำมันมะพร้าว หนึ่งช้อน เคี้ยวไปพร้อมกับหมากฝรั่งนั้น หมากฝรั่งจะค่อย ๆ ละลายหายไปในปาก ซึ่ง น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น จะทำอย่างเดียวกันนี้ กับสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน
          น้ำมันมะพร้าว ช่วยสมานผิวและป้องกันการเกิดปัญหาหน้าท้องลายได้ และ น้ำมันมะพร้าว ยังช่วยเร่งฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและติดเชื้อของผิวหนังทุกชนิด ป้องกันการเกิดแผลเป็นที่น่าเกลียด หากใช้ก่อนล่วงหน้า อากการบาดเจ็บนั้น ๆ จะหายเร็วยิ่งขึ้น จึงเป็นการดีที่จะใช้ น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น เป็นประจำทุกวัน คุณผู้หญิงที่กำลังจะเป็นแม่ หากนวด น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ที่หน้าท้องทุกวัน ตั้งแต่ก่อนและหลังการคลอด จะไม่มีปัญหาเรื่องการเกิดท้องลาย หรือผู้ที่เล่นเพาะกาย เมื่อทำขนาดของร่างกายและกล้ามเนื้อให้ใหญ่ขึ้น บางคนจะมีริ้วรอยที่เกิดจากการยืดของผิวหนัง ปํญหานี้ก็สามารถแก้ได้ด้วย น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น เช่นกัน
          น้ำมันมะพร้าว ช่วยดูแลเส้นผม รากผม และหนังศีรษะ น้ำมันมะพร้าว ยังช่วยให้ผมเป็นเงางามแข็งแรง บางคนกล่าวว่าช่วยให้ผมไม่หงอกก่อนวัย และช่วยให้ผมไม่ร่วง ป้องกันศีรษะล้านได้ น้ำมันมะพร้าว ยังดีต่อหนังศีรษะและช่วยควบคุมรังแค โดยวิธีใช้ น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ดูแลเส้นผม รากผม และหนังศีรษะ ก็โดยชโลมให้ทั่วหนังศีรษะ ด้วยปริมาณที่เหมาะสม คือประมาณหนึ่งถึงสองช้อนชา นวดหนังศีรษะจน น้ำมันมะพร้าว แทรกซึมทั่วหนังศีรษะและเส้นผม แต่อย่าใช้มากจนเปียกเกินไป หลังจากนั้น ทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที (ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไหร่ยิ่งดี) เพื่อให้ น้ำมันมะพร้าว แทรกซึมสู่หนังศีรษะจึงค่อยสระออก คุณอาจใช้ใส่ผมตั้งแต่ตื่นนอน และทิ้งไว้จนกระทั่งอาบน้ำตอนเช้าแล้วจึงสระออกก็ได้ หรืออาจจะใส่ผมในตอนกลางคืนก่อนนอน โดยใช้หมวกอาบน้ำคลุมผมไว้ แล้วค่อนสระออกเมื่ออาบน้ำตอนเช้าก็ได้ เส้นผมจะเงางามและจะมีรังแคลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
          น้ำมันมะพร้าว ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก หากจะถามว่า น้ำมันมะพร้าว ช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่ คำตอบคือ จริง แต่เป็นการช่วยทางอ้อม ไม่ได้เป็นผลโดยตรง ข้อดีของ น้ำมันมะพร้าว อยู่ที่ เป็นกรดไขมันสายปานกลาง จึงย่อยได้ง่าย (ไขมันชนิดอื่นเป็นกรดไขมันสายยาว ต้องใช้เอนไซม์จากตับอ่อนเป็นตัวช่วยย่อย) และถูกส่งไปที่ตับโดยตรงเพื่อสร้างพลังงาน ทำให้ น้ำมันมะพร้าว ไม่ไหลเวียนในเส้นเลือดและสะสมตามเซลล์ไขมันเหมือนไขมันชนิดอื่น ๆ และยังให้พลังงานได้มากกว่า ทำให้อิ่มเร็วขึ้นและอิ่มนาน ผลดีคือทำให้รับประทานอาหารน้อยลง ดังนั้นเพียงแค่เปลี่ยนมาใช้ น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ปรุงอาหารแทนน้ำมันชนิดอื่น ๆ ที่ใช้กันอยู่เป็นประจำ ก็จะช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงได้หลายกิโลกรัม อย่างไรก็ตามการควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนักด้วยการรับประทาน น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น จะต้องกระทำด้วยสามัญสำนึกของการลดน้ำหนัก คือต้องออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการรับประทานคาร์โบไฮเดรตที่มากเกินไป โดยเฉพาะน้ำตาลฟอกขาว ข้าวขัดขาว ขนมปังขาว และควรรับประทานผักสดและผลไม้สดให้มาก

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วิธีการรับประทาน น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น



          สำหรับผู้ที่ได้เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับประโยชน์ต่าง ๆ ของ น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น มักจะมีข้อสงสัยว่า ควรจะรับประทาน น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ในปริมาณวันละเท่าไหร่ คำตอบก็คือ จะรับประทาน น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น วันละเท่าไหร่ก็ได้ตามความสะดวก หรือที่รู้สึกว่าเหมาะสม เพราะแม้จะรับประทาน น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น เพียงแค่วันละครึ่งช้อน ก็จะได้รับประโยชน์จาก น้ำมันมะพร้าว แล้ว แต่ขนาดที่แนะนำกันโดยทั่ว ๆ ไปก็คือ สามช้อนโต๊ะครึ่ง สำหรับผู้ใหญ่ เนื่องจากเป็นปริมาณที่มีอัตราส่วนพอ ๆ กับกรดไขมันสายปานกลางธรรมชาติที่พบในน้ำนมแม่ และก็เป็นปริมาณเพียงพอที่จะป้องกันทารกจากการติดเชื้อ การเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ รวมถึงช่วยให้การรับสารอาหารที่มีคุณค่าในสภาวะปกติทั่ว ๆ ไป โดยค่อย ๆ รับประทาน น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น คราวละน้อย ๆ เฉลี่ยไปตลอดทั้งวันจนครบจำนวน สามช้อนโต๊ะครึ่ง
          ผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม รับประทาน น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ปริมาณ สามช้อนโต๊ะครึ่ง ก็เป็นปริมาณที่เหมาะสม แต่ผู้ที่มีน้ำหนักน้อยกว่านี้ก็สามารถลดปริมาณลงสักครึ่งช้อนโต๊ะต่อน้ำหนักที่น้อยลง 10 กิโลกรัม เช่นถ้าหนัก 60 กิโลกรัม ก็รับประทานแค่สามช้อนโต๊ะ ก็ถือว่าเหมาะสม ส่วนผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 70 กิโลกรัม ก็สามารถรับประทาน น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ได้ในประมาณวันละ สี่ช้อนโต๊ะ
          การใช้ น้ำมันมะพร้าว ในการประกอบอาหาร
          คนไทยมักจะใช้กะทิประกอบอาหารทั้งคาวและหวานมาตั้งแต่โบราณ โดยไม่ปรากฏว่า เป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคอ้วน จนกระทั่งเราเปลี่ยนมาใช้น้ำมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันพืช น้ำมันถั่วเหลือง จึงเกิดเป็นโรคต่าง ๆ ดังกล่าวมากขึ้น กะทิกับ น้ำมันมะพร้าว เป็นสารตัวเดียวกัน เพียงแต่อยู่ในรูปต่างกัน ซึ่งมีข้อดีได้แก่
1.       กะทิ และ น้ำมันมะพร้าว มีความอิ่มตัว ทำให้ออกซิเจน และไฮโดรเจน เข้าแทรกไม่ได้ จึงไม่เกิด trans fat และไม่ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็ง และทำอันตรายต่อเซลล์ในร่างกาย
2.       เป็นโมเลกุลขนาดกลาง กะทิหรือ น้ำมันมะพร้าว จึงเคลื่อนย้ายในร่างกายได้รวดเร็ว จากกระเพาะไปลำไส้ และเปลี่ยนเป็นพลังงานในตับ จึงไม่สะสมเป็นไขมัน ดังเช่น น้ำมันไม่อิ่มตัว
3.       มีภูมิคุ้มกันเกิดจากกรดคลอริก ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกับน้ำนมแม่ ที่ช่วยให้ทารกมีภูมิคุ้มกันโรค อีกทั้งยังทำลายเชื้อโรคแทบทุกชนิดได้ และมีวิตามินอี ที่สามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่เข้ามาทำลายเซลล์ก่อให้เกิดมะเร็ง และโรคแห่งความเสื่อมอีกหลายโรค
          การผัดอาหารควรใช้น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันทานตะวัน หรือน้ำมันข้าวโพด แต่หากจะทอดอาหารแล้วควรใช้น้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันหมู เพราะการทอดอาหารจะต้องใช้ความร้อนสูงมาก หากใช้น้ำมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันพืชนั้น ซึ่งจะมีจุดเดือดประมาณ 180 องศาเซลเซียส โดยที่จุดนี้จะเกิดสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกายหลากหลายชนิด
          การใช้น้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันหมู หรือ น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ในการทอดอาหารจึงมีความเหมาะสม เนื่องจาก ทั้งน้ำมันหมู และ น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น เป็นน้ำมันที่มี กรดไขมันอิ่มตัวสูง (น้ำมันหมู 40% น้ำมันมะพร้าว 88%) มีสูตรโครงสร้างทางเคมีที่จับกับธาตุคาร์บอน ในลักษณะแขนเดี่ยว เมื่อโดนความร้อนสูง ก็ทำให้อาหารกรอบ อร่อย ไม่มีสารเคมีเป็นพิษ และน้ำมันที่ใช้ทอดแล้ว เก็บไว้ทอดซ้ำเกิน 2 ครั้งไม่ได้ เพราะจะดำและเหม็นหืน ซึ่งจะต่างจากน้ำมันพืชอื่น ๆ ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว มีโครงสร้างเคมีเป็นแขนคู่ ในการจับกับธาตุคาร์บอน จึงสามารถจับกับธาตุไฮโดรเจนเพิ่มได้อีก 2 อะตอม จึงเหมาะกับการเติมไฮโดรเจน ซึ่งเรียกว่า Trans Falty Acid
          Trans Fat นี้เป็นผลลัพธ์ของความพยายามที่จะทำให้น้ำมันพืชมีลักษณะเหมือนกับน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง ที่จะสามารถทำให้ทอดอาหารได้กรอบอร่อย แต่จะมีปัญหาที่ตามมาคือ ความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน มะเร็งเต้านม เพราะน้ำมันพืชที่ผ่านกรรมวิธี Tran Fat เหล่านี้ไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้ง่าย ๆ เหมือน น้ำมันมะพร้าว ที่ละลายน้ำได้
          น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี เป็นการสกัดด้วยความร้อนทำให้ไหม้เกรียมและดำ ทำให้ต้องใช้เคมี เช่น โซดาไฟ ฟอกขาว และการเติมไฮโดรเจน ทำให้น้ำมันพืชเก็บไว้ได้นานโดยไม่เหม็นหืนง่าย แต่ไฮโดรเจนก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมี ทำให้น้ำมันพืชที่ไม่อิ่มตัวกลายเป็นน้ำมันพืชอิ่มตัว และมีลักษณะหนืดเหนียว จับเป็นก้อนแข็งในอุณหภูมิ 37-40 องศาเซลเซียส
          น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น เป็นน้ำมันที่ได้จากการสกัดแบบธรรมชาติ คือ บีบเย็น (Cold Process) หรือ การบีบคั้นโดยไม่ใช้ความร้อน ส่วนใหญ่แล้วดี คือมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่เมื่อเอาน้ำมันพืชไปดัดแปลงทางเคมี คือเติมไฮโดรเจนเข้าไปก็เลยกลายเป็นโทษ น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ถ้านำมารับประทาน โดยไม่ผ่านการผัด การทอด ก็จะยิ่งทำให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย สปาหลาย ๆ แห่งจึงนำ น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ไปใช้เสริมสวย บำรุงผิวให้กับลูกค้า